สำหรับใครที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยขั้นตอนแรกคือการจอง และทำสัญญาต่าง ๆ ก่อนที่จะไปกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือชำระเงิน ซึ่งทำให้ขั้นตอนการซื้อบ้าน หรือคอนโดใหม่กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ซึ่งบทความในวันนี้ ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง จะมาแชร์เทคนิคการจอง และการทำสัญญา รวมไปถึงเรื่องที่ต้องรู้ก่อนซื้อ บ้านจัดสรร พัทยา ถ้าพร้อมแล้วเราไปชมกันเลย
ขั้นตอนการจอง และการทำสัญญา บ้านจัดสรร พัทยา
เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างสะดวก จึงต้องมีการจอง และการทำสัญญาก่อนที่จะทำการซื้อขาย โดยผู้ซื้อจะต้องศึกษาหาข้อมูลเรื่องการจอง และสัญญาการซื้อขายให้ดี เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจตามมาภายหลัง ซึ่งจะมีขั้นตอน ดังนี้
-
ศึกษาสัญญาต่าง ๆ จะได้ไม่พลาดเมื่อจองโครงการ
ก่อนที่จะทำการจอง นอกจากเตรียมเงินสำหรับจองโครงการแล้ว สิ่งที่ต้องรู้ถัดไปก็คือเรื่องของการทำสัญญา ไม่ว่าจะเป็นสัญญาจอง หรือสัญญาซื้อขาย เป็นต้น โดยการจองจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
-
ในกรณีโครงการสร้างเสร็จ และพร้อมเข้าอยู่
สำหรับผู้ที่ใช้เงินสดก็สามารถทำสัญญาได้เลย หรือสำหรับผู้ที่ต้องการกู้สินเชื่อบ้านสามารถนัดเข้ามาทำสัญญาภายหลังประมาณ 1-2 เดือน
-
การจองโครงการใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จ
โดยปกติแล้วหลังจากทำการจองทางโครงการจะมีการนัดให้เข้ามาทำสัญญาภายหลัง ซึ่งจะมีการนัดเข้ามาทำสัญญาเมื่อโครงการเริ่มก่อสร้างไปแล้วกว่า 80-90% หรือเมื่อเสร็จพร้อมเข้าอยู่ เพราะฉะนั้นสัญญาต่าง ๆ ในช่วงการจองตลอดจนการซื้อขายจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก และเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อควรศึกษาไว้เป็นอันดับแรก ๆ ก่อนจองโครงการ
-
การจองทำสัญญาซื้อ บ้านจัดสรร พัทยา มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
นอกเหนือจากเงินจองแล้วสิ่งที่ผู้ซื้อต้องรู้คือ เรื่องของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ผู้ซื้อต้องจ่ายให้กับโครงการนอกจากเงินจองในวันทำสัญญา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินที่ต้องจ่ายล่วงหน้าให้กับโครงการ ไม่ว่าจะเป็นค่าส่วนกลาง หรือเงินประกันสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่โครงการกำหนด
ดังนั้นเพื่อให้การจองโครงการ และการทำสัญญาซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่น ให้ลองถามกับโครงการว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่คุณต้องจ่ายในวันนี้ทำสัญญาซื้อขาย
ข้อควรรู้ก่อนซื้อ บ้านจัดสรร พัทยา
ปัจจัยที่ควรรู้ก่อนซื้อบ้าน อย่าง บ้านจัดสรร พัทยา มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
-
งบประมาณ
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาในการซื้อบ้าน สามารถคำนวณได้จาก 3 ส่วนหลัก ๆ คือ รายได้ รายจ่าย และเงินเก็บ ก็จะประเมินได้เบื้องต้นว่าควรซื้อบ้านในราคาเท่าไหร่ และยื่นกู้กับธนาคารได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งการพิจารณาวงเงินสำหรับการยื่นกู้ของธนาคารแต่ละที่ไม่ได้ดูจากรายได้เพียงอย่างเดียว
แต่ยังพิจารณาในส่วนของรายจ่ายของคุณในแต่ละเดือนด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าบัตรเครดิต หรือค่าผ่อนชำระสินค้าต่าง ๆ โดยคุณควรเคลียร์รายจ่ายส่วนนี้ให้เรียบร้อยก่อน จะช่วยให้มีโอกาสยื่นกู้สินเชื่อบ้านง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่ควรลืมเตรียมเงินเก็บสำรองไว้ เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อบ้าน เพราะการซื้อบ้านไม่ได้มีแค่ค่าผ่อนชำระแบบทั่วไปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งเงินจอง ค่าประเมิน และค่าตกแต่ง รวมไปถึงค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ หรือค่าไฟ เป็นต้น
-
ทำเลที่ตั้งของบ้าน
การเลือกทำเลที่ตั้งของบ้านถือเป็นปัจจัยสำคัญ และยังส่งผลกับราคาของบ้านได้อีกด้วย ซึ่งหากเป็นย่านธุรกิจอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทำเลส่วนนั้นจะมีราคาสูงกว่าทำเลอื่น ๆ เมื่อเทียบกับทำเลใกล้เคียง อย่างไรก็ตามการเลือกทำเลที่ตั้งควรพิจารณาควบคู่ไปกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวด้วย
-
จุดประสงค์ในการซื้อ
แต่ละคนต่างก็มีเป้าหมาย และจุดประสงค์ในการซื้อแตกต่างกัน หากซื้อไว้อยู่เอง หรือซื้อให้ครอบครัว คุณควรพิจารณาจากการใช้ชีวิตเป็นหลัก เช่น หากต้องการซื้อบ้านให้ครอบครัวก็ควรให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก เพื่อให้ทุกคนได้มีพื้นที่ส่วนกลางไว้ทำกิจกรรมร่วมกัน
สำหรับคนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุน หรือปล่อยเช่าควรเลือกทำเลที่คนนิยม อย่าง ทำเลใกล้กับสถานที่ทำงาน หรือทำเลที่เดินทางง่าย โดยคุณอาจจะเช็กราคาปล่อยเช่าในแต่ละพื้นที่ หรือโครงการที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เพื่อดูแนวโน้มในการปล่อยเช่าก่อน
-
โครงการบ้าน และคอนโด
ด้วยความที่บ้าน หรือคอนโดแต่ละโครงการจะมีจุดขาย หรือฟังก์ชันที่ต่างกัน ซึ่งคุณควรเช็กข้อมูลของโครงการที่สนใจจากเว็บไซต์ดูก่อน ไม่ว่าจะเป็นขนาดพื้นที่ การจัดพื้นที่ใช้สอย หรือแปลนบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัย และอื่น ๆ รวมไปถึงเส้นทางการเดินทางเข้า-ออกว่ามีความแออัดมากน้อยแค่ไหน
-
ระยะเวลาการตัดสินใจซื้อ
เนื่องจากโครงการบ้านมีทั้งแบบ Pre-sale หรืออยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้าง หากคุณกำลังศึกษาข้อมูล หรือยังไม่มีความจำเป็นในการรีบเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ซึ่งข้อดีในการซื้อแบบ Pre-sale คือส่วนใหญ่จะมีโปรโมชัน หรือราคาที่ถูกกว่าโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว
-
การกู้ขอสินเชื่อ
สำหรับคนที่ต้องการกู้สินเชื่อกับธนาคาร อย่าลืมเช็กเงื่อนไข และเปรียบเทียบดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร รวมไปถึงพิจารณาว่าเป็นดอกเบี้ยประเภทไหน เช่น ดอกเบี้ยคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว และสามารถรีไฟแนนซ์ได้เมื่อไหร่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการที่จะซื้อ บ้านจัดสรร พัทยา สักหลัง ควรพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนว่าบ้านที่ต้องการมีทำเลที่เหมาะสม เดินทางสะดวก และตัวบ้านมีฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน เพราะบ้านเป็นสิ่งที่ต้องอยู่กับคุณไปอีกนาน ก็ควรเลือกบ้านที่ตรงกับความต้องการ และงบประมาณจะดีที่สุด
สำหรับใครที่สนใจอยากเยี่ยมชมโครงการ ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง สามารถติดต่อเราได้ที่ Line: @lifeandlivingth หรือโทร.1610