บ้านเดี่ยว

การจะซื้อ บ้านเดี่ยว สักหลังนั้นไม่ใช่เพียงแค่นึกขึ้นมาเฉย ๆ ก็จะได้บ้านมาตามที่ต้องการ แต่ต้องมีการคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ เช่น ทุนทรัพย์ของแต่ละครอบครัว ซึ่งในบางครั้งเงินที่เราจัดสรรปันส่วนเอาไว้ก็ไม่เพียงพอสำหรับรูปแบบบ้านที่ต้องการ ทำให้ต้องเกิดการกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงิน เพื่อให้ได้รูปแบบบ้านตามที่คาดหวัง 

ซึ่งบทความในวันนี้ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง ก็ได้นำเคล็ดลับ และข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน เพื่อซื้อ บ้านจัดสรร แบบฉบับอัปเดตล่าสุดมาฝากทุกคน ถ้าอยากรู้แล้วตามไปดูกันเลย 

7 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ควรรู้ก่อนกู้ซื้อ บ้านเดี่ยว

หลายคนอาจมีความคิดว่าการกู้ซื้อบ้านสักหลังนั้น เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และซับซ้อน ด้วยความคิดแบบนี้ทำให้มีหลายครอบครัวที่ท้อ และล้มเลิกความคิดที่จะกู้ซื้อ บ้านเดี่ยว ไป แต่ความจริงแล้วขั้นตอนที่จะช่วยให้การกู้บ้านดำเนินไปอย่างราบรื่นนั้นมีเพียง 7 ขั้นตอนเท่านั้น ถ้าอยากรู้ก็ตามไปดูกันเลย

1. เคลียร์ปัญหาหนี้สินก่อนหน้า

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะมีหนี้สินติดตัวอยู่บ้างประปราย ไม่ว่าจะมาจากการผ่อนรถ การผ่อนบัตรเครดิต หรือการผ่อนบัตรกดเงินสด เป็นต้น ซึ่งคุณควรที่จะจัดการหนี้สินเหล่านี้ให้หมดเกลี้ยงเสียก่อน เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ภาระในด้านค่าใช้จ่ายของคุณลดลง

แต่ยังสามารถเพิ่มเครดิตความน่าเชื่อถือให้แก่ธนาคาร และช่วยให้การกู้ยืมผ่านเกณฑ์ได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากมีความสามารถในการชำระสูงขึ้น และไม่มีหนี้สินอื่น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้การใช้เงินของคุณมีระเบียบวินัยมากขึ้นอีกด้วย 

2. จัดการบัญชีให้เป็นระเบียบ

ตามปกติแล้วเวลาทำธุรกรรมทางการเงิน อย่าง การกู้ยืมเงิน จะต้องมีการขอตรวจสอบ Statement ย้อนหลัง 3-6 เดือน เพื่อเป็นการเช็กระเบียบวินัยในการใช้จ่าย และความสามารถในการชำระหนี้สิน 

ซึ่งหากเป็นการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านนั้นเป็นการกู้ยืมจำนวนเงินที่สูง ทำให้ต้องมีการย้อน Statement ย้อนหลังนานถึง 12 เดือน โดยขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณฝึกระเบียบวินัยในการใช้เงินมากขึ้น เหมือนการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ยอมอดออมตอนนี้เพื่อให้ได้บ้านในฝันมาครอบครอง

3. รู้ถึงความสามารถในการกู้ของตนเอง

การรู้ถึงความสามารถในการกู้ของตัวเองนั้น จะช่วยให้คุณคำนวณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นภายในอนาคตได้ ที่สำคัญช่วยให้ทราบจำนวนเงินที่คุณจะกู้ได้ เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกบ้าน โดยมีวิธีการคิดดังนี้ 

(รายได้ต่อเดือน) x (60เท่าของรายได้ต่อเดือน) = ราคาบ้านที่สามารถกู้ซื้อได้ เช่น มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 25,000 บาท เมื่อนำไปคูณ 60 จะได้เท่ากับ 1.5 ล้านบาท 

ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำที่คุณสามารถกู้ซื้อบ้านได้ แต่กรณีนี้เป็นกรณีที่คุณไม่มีหนี้สินอะไรเลย แต่หากคุณมีหนี้สินก็จะต้องมาดูค่า DSR (Debt service ratio) ซึ่งธนาคารจะอนุญาตให้คุณมีหนี้สิน 30-40% ของรายได้ 

4. มองหาบ้านที่มีราคาเหมาะสม

เมื่อเรารู้ถึงจำนวนเงินที่สามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน เราก็สามารถมองหาบ้าน หรือโครงการบ้านที่มีราคา และสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ความต้องการ เช่น หากคุณเป็นคนที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก แต่ต้องการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้าน ทำให้โครงการบ้านในกรุงเทพฯ อาจมีราคาสูงเกินไป 

ดังนั้นการมองหาโครงการบ้านในจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตสูงแต่ค่าครองชีพต่ำ อย่าง ชลบุรี หรือระยองนั้น อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า 

5. หมั่นชำระหนี้ให้ตรงเวลา

สิ่งที่ธนาคารมักให้ความสำคัญในการตรวจสอบก่อนจะอนุมัติการกู้ เรียกว่า “เครดิตบูโร” โดยจะมีการตรวจเช็กย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งหากใน 3 ปีนี้มีการชำระหนี้สินล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้มีโอกาสติด “แบล็คลิสต์” ซึ่งหมายความว่า คุณเป็นผู้ที่มีประวัติไม่ดีเกี่ยวกับการผ่อนชำระหนี้สิน ทำให้เสียเครดิตและความน่าเชื่อถือไปได้  

6. เตรียมเอกสารให้พร้อม 

ก่อนจะทำการกู้ยืม หรือทำธุรกรรมอะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงินนั้น เอกสารเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจ เพราะหากขาดไปเพียงหนึ่ง ก็อาจจะทำให้กระบวนการกู้ถูกยกเลิกได้ ซึ่งเอกสารที่ต้องมีเพื่อประกอบการพิจารณา มีดังนี้

  • สลิปเงินเดือน
  • ใบรับรองการทำงาน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • เอกสารหลักประกัน
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี)

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ความรู้เรื่องขั้นตอนสำคัญในการกู้ซื้อบ้านมากขึ้น โดยหากใครกำลังมองหาโครงการ บ้านเดี่ยว ที่มีคุณภาพ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครอบคลุมทุกความต้องการ และให้ความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนบ้านตากอากาศ แต่ก็ยังอยู่ใจกลางเมืองที่รายล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคครบครัน เลือกโครงการบ้านจาก ไลฟ แอนด์ ลีฟวิ่ง

เนื่องจากเรามีประสบการณ์ในการจัดการโครงการบ้านสูง ที่พร้อมให้คุณเลือกสรร ทั้งโครงการ บ้านเดี่ยว ในตัวเมืองชลบุรี และตัวเมืองระยอง หากสนใจสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร. 1610 หรือ Line: @lifeandlivingth

บ้านเดี่ยว

บทความที่เกี่ยวข้อง